โรคหลอดเลือดสมองแตก
(สาเหตุ อาการ และการป้องกัน ตลอดจนวิธีการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแตก)
โรคหลอดเลือดสมองแตก หรือที่เรียกกันว่า Hemorrhagic Stroke เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นเมื่อผนังหลอดเลือดปริแตก เซลล์สมองจะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงทันที ส่งผลต่อเนื้อสมองโดยตรง และภายในระยะเวลาไม่นานเนื้อสมองจะตายลง ทำให้ผู้ป่วยมักเสียชีวิตในเวลาอันสั้น เป็นภาวะที่พบได้มากในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีหลอดเลือดโป่งพอง โรคตับ และโรคเลือดผิดปกติ
สาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดสมองแตก
1. ความดันโลหิตสูง : เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เส้นเลือดเปราะบางและแตกได้ง่าย
2. ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด : เช่น ภาวะหลอดโลหิตโป่งพอง
3. การบาดเจ็บที่สมอง : เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์หรือการตกจากที่สูง
4. โรคหลอดเลือดสมองอื่นๆ : เช่น หลอดเลือดสมองโป่งพองหรือมีก้อนเลือดอุดตัน
รวมไปถึงโรคเบาหวาน ,คอเลสเตอรอลในเลือดสูง, โรคอ้วน,สูบบุหรี่,ความเครียด,ผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ ทำให้ลิ่มเลือดไปอุดตันที่สมอง หรือปัจจัยเสี่ยงของผู้ที่ต้องนั่งรถหรือเครื่องบินเป็นเวลานานๆ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เกิดเป็นการสะสมของลิ่มเลือด
อาการของเส้นเลือดสมองแตก
– ปวดศีรษะรุนแรงและเฉียบพลัน
– คลื่นไส้หรืออาเจียน
– อ่อนแรงหรือชาบริเวณใบหน้า แขน หรือขาข้างใดข้างหนึ่ง
– สับสน มึนงง ปากเบี้ยว หรือพูดไม่ชัด
– การมองเห็นเปลี่ยนแปลงหรือสูญเสียการมองเห็น
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองแตก
1. ควบคุมความดันโลหิต : ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ควรตรวจเช็คความดันโลหิตเป็นประจำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
2. รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ : เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงและเกลือมากเกินไป
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ : การออกกำลังกายช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด เช่น การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ หรือขี่จักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
4. ควบคุมน้ำหนัก : น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ควรตั้งเป้าหมายน้ำหนักที่เหมาะสมกับสุขภาพ
5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ : การสูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดแคบลงและแข็งกระด้าง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
6. จำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ : ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากการดื่มมากเกินไปสามารถเพิ่มความดันโลหิตได้
7. จัดการกับความเครียด : ควบคุมและจัดการความเครียดด้วยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การฝึกสมาธิ หรือการออกกำลังกายลดความเครียด
8. ป้องกันโรคเบาหวาน : ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหากคุณเป็นเบาหวาน โดยการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและออกกำลังกาย
9. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ : การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
การป้องกันเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมั่นดูแลสุขภาพและปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ
การดูแลผู้ที่มีภาวะโรคหลอดเลือดสมองแตก
1. การรักษาทางการแพทย์ฉุกเฉิน
– เมื่อเกิดภาวะหลอดเลือดสมองแตก ผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาฉุกเฉินทันที เพื่อหยุดการเลือดออกและลดความดันในสมอง ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยาหรือการผ่าตัด
2. การพักฟื้นในโรงพยาบาล
– ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการดูแลในห้อง ICU และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมความดันโลหิต และลดอาการบวมในสมอง
3. การบำบัดฟื้นฟู (Rehabilitation)
– การฟื้นฟูอาจรวมถึงกายภาพบำบัด การฝึกพูด และการบำบัดเพื่อช่วยในการฟื้นฟูทักษะการดำเนินชีวิตประจำวัน
– ผู้ป่วยอาจต้องเรียนรู้วิธีการเคลื่อนไหว ช่วยเหลือตนเอง และปรับตัวกับการใช้ชีวิตประจำวันใหม่
4. การดูแลทางจิตใจ
– ภาวะหลอดเลือดสมองแตกอาจมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ จึงควรมีการสนับสนุนทางอารมณ์และจิตใจ ทั้งจากครอบครัวและผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา
5. ติดตามสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
– ต้องมีการติดตามสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดซ้ำ ซึ่งอาจรวมถึงการควบคุมความดันโลหิต การจัดการโรคประจำตัว และติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ
6. การปรับสภาพแวดล้อมในบ้าน
– เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย อาจต้องปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในบ้าน เช่น ทางลาดสำหรับรถเข็น หรืออุปกรณ์ช่วยพยุง
7. การให้ความรู้และการสนับสนุนจากครอบครัว
– ครอบครัวควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะหลอดเลือดสมองแตกและวิธีการดูแลผู้ป่วย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การดูแลภาวะหลอดเลือดสมองแตกเป็นการประสานงานระหว่างผู้ป่วย ทีมแพทย์ และครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สนับสนุนการดูแลอย่างถูกต้องและถูกวิธี โดย ศูนย์ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ธนรัฎ เฮลท์แคร์ เชียงใหม่ https://www.facebook.com/thanarat.healthcare